การบินและสาธารณสุขคาดจะฟื้นฟูในปีนี้

หุ้นการบิน, สาธารณสุข และการท่องเที่ยวคาดว่าจะปรับขึ้นในปีนี้


สารบัญข่าว

หุ้นการบิน, สาธารณสุข และการท่องเที่ยวคาดว่าจะปรับขึ้นในปีนี้

หุ้นการบิน, สาธารณสุข และการท่องเที่ยวคาดว่าจะปรับขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลไทยที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่มีหนังสือเดินทางวัคซีนเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องมีการกักตัว 14 วันเมื่อเดินทางมาถึง อ้างอิงตามการวิจัยของบล. KTBST

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต้องติดตามข่าวสารความคืบหน้าของโครงการฉีดวัคซีนทั่วโลก เนื่องจากวันเริ่มต้นของการฉีดวัคซีนในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยยังไม่มีความแน่นอน

นักวิเคราะห์จาก KTBST คาดว่าจะมีการนำเข้าวัคซีน 50,000 โดสเข้าสู่ประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ ตามด้วย 800,000 โดสในเดือนมีนาคม และอีก 1 ล้านโดสในเดือนเมษายน

โดยรัฐบาลวางแผนที่จะฉีดวัคซีนให้กับประชากรทั้งหมด 35 ล้านคนในปีนี้ หรือประมาณ 50% ของประชากร ด้วยวัคซีนปริมาณ 70 ล้านโดสที่กำลังจะจัดซื้อจาก Sinovac Biotech และ AstraZeneca ในกรุงปักกิ่ง

"เราเชื่อว่ากลุ่มคน 3 กลุ่มจะได้รับการจัดลำดับความสำคัญในกระบวนการฉีดวัคซีน ซึ่งได้แก่ นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ — ผู้ป่วยชาวต่างชาติที่ต้องการรับการรักษาในประเทศไทย — และกลุ่มสุดท้าย ผู้สูงอายุ" งานวิจัยระบุ

เนื่องจากนโยบายดังกล่าวคาดว่าจะดึงดูดนักเดินทางจาก 3 กลุ่มนี้มายังประเทศไทย ภาคส่วนที่จะได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้ ได้แก่ การบิน, สาธารณสุข และการท่องเที่ยว

KTBST ระบุ ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) และบมจ. ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) อยู่ในบรรดาหุ้นที่ทางบริษัทเชื่อว่ามีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นเมื่อนโยบายมีการดำเนินการ

โดยมุมมองเชิงบวกมากที่สุดของ KTBST อยู่ในส่วนของสายการบินและสนามบิน เนื่องจากจะได้รับประโยชน์จากการเดินทางของการท่องเที่ยว และการกลับมาของการเดินทางระหว่างประเทศ

สำนักวิจัยคาดว่าเที่ยวบินระหว่างประเทศจะสร้างผลกำไรสูงกว่าเที่ยวบินภายในประเทศในปีนี้

จากผลการวิจัยพบว่าทอท.น่าจะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากรายได้จากค่าธรรมเนียมสนามบินหรือค่าบริการผู้โดยสาร (PSC) ในเที่ยวบินระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ Asia Aviation (AAV) คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเส้นทางบินใหม่ในประเทศในภูมิภาคอาเซียน และเส้นทางสู่ประเทศจีน

ธุรกิจการบินยังอาจได้รับมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมจากรัฐบาลเพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมฟื้นตัวเร็วขึ้น

นอกเหนือจากการบิน หุ้นในกลุ่มสาธารณสุข เช่นโรงพยาบาลที่มีรายได้ส่วนใหญ่จากผู้ป่วยต่างชาติยังคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้ด้วย โดยมี บมจ. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) และบมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) อยู่ท่ามกลางหุ้นเหล่านั้นด้วย

จากประมาณการแสดงให้เห็นว่า 58% ของผู้ป่วยในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เป็นชาวต่างชาติ ในขณะที่ 30% ของผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่ดำเนินการโดยกรุงเทพดุสิตเวชการเป็นชาวต่างชาติ

KTBST คาดว่าจะมีผู้ป่วยต่างชาติกลับมาที่โรงพยาบาลเหล่านี้มากขึ้นหากได้รับการงดเว้นไม่ต้องจ่ายค่ากักกันเพิ่มเติม โดยเฉพาะผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง และกัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม

สำนักวิจัยกล่าวว่า การท่องเที่ยวเป็นอีกภาคส่วนหนึ่งที่น่าจะกลับมาอีกครั้งตามการดำเนินนโยบาย

บมจ. เอราวัณกรุ๊ป (ERW) คาดว่าจะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดในกลุ่มนี้ ตามด้วยบมจ. โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) และ MINT

อ้างอิง

บางกอกโพสต์

WRITER: Nuntawun Polkuamdee

ความเห็นผู้ชมทั่วไป