รูปแบบการลงทุนหันไปสู่การเล่นแบบวัฏจักรมากขึ้น

เดือนมีนาคมได้เริ่มต้นด้วยข่าวที่ดีมาก ขณะนี้การกระจายวัคซีนอยู่ในระหว่างดำเนินการในประเทศไทยโดยมีผู้ฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 30,000 คน สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่นานนักเนื่องจากการล็อคดาวน์ในช่วง 2 เดือนแรกของปีได้ฉุดเศรษฐกิจให้ตกต่ำลง

ตอนนี้เราควรเห็นการขับเคลื่อนการฟื้นตัวเมื่อการฉีดวัคซีนเร่งขึ้น แผนวัคซีนสำหรับประเทศไทยต้องใช้วัคซีน 2 ล้านโดสภายในเดือนเมษายน อีก 26 ล้านโดสภายในเดือนสิงหาคม และอีก 35 ล้านโดสภายในสิ้นปี ข่าวเชิงบวกนี้ได้กระตุ้นให้ SET ได้กำไรในเดือนนี้ด้วยมูลค่าการซื้อขายมหาศาลราว 1 แสนล้านบาทต่อวัน

ตอนนี้ดัชนีอยู่ที่ระดับสูงสุดใหม่ของปีโดยเข้าใกล้ 1,580 จุด และโมเมนตัมต่อเนื่องอาจพาเราไปที่ 1,600 ก่อนสิ้นเดือน

ทั่วโลกมีผู้ป่วยรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่องและขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 300,000 รายลดลงอย่างมากจากกว่า 700,000 รายต่อวันในช่วงต้นปี การเสียชีวิตจากโควิดลดลงจากเกือบ 15,000 รายต่อวันในต้นปี 2021 เหลือประมาณ 6,000 รายในขณะนี้

เรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งในโลกการเงินในช่วงปลายปีคือตลาดตราสารหนี้ ผลตอบแทนสำหรับคลังอายุ 10 ปีของสหรัฐฯยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและขณะนี้อยู่ที่ 1.6% ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดทุนทั่วโลก เราได้เห็นหุ้นเทคโนโลยีดิ่งลงอย่างรวดเร็วในขณะที่หุ้นเติบโตซึ่งมีกองทุนรวมจำนวนมากวางเดิมพันก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน

ผลตอบแทนกองทุนต่างประเทศ

นักลงทุนต่างชาติดึงเงินจากตลท. ในช่วง 2 เดือนแรกของปีโดยขายสุทธิกว่า 2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามเพื่อตอบสนองต่อการเริ่มฉีดวัคซีนในประเทศไทย เงินไหลเข้าเกือบ 9 พันล้านบาทในช่วง 10 วันแรกของเดือนมีนาคม

เราเชื่อว่าผลตอบแทนพันธบัตรน่าจะทะยานขึ้นสูงสุดในไม่ช้า เนื่องจากการไหลเข้าของกองทุนยังคงเข้าสู่ตลาดตราสารทุนในตอนนี้ ด้วยผลประกอบการทั้งหมดในปี 2020 ที่ประกาศไปแล้ว การมุ่งเน้นของนักลงทุนเปลี่ยนไปสู่การฟื้นตัวและเราเห็นว่าตลาดสร้างแนวโน้มเชิงบวกอย่างน้อยในระยะสั้น

นอกจากนี้รัฐบาลได้เปิดตัวแพคเกจความช่วยเหลือใหม่อีก 37 พันล้านบาทเพื่อรับมือกับผลกระทบจากการระบาดของโรคและคาดว่าจะกระจายเงินไปยังผู้คนมากกว่า 9 ล้านคน ในขณะเดียวกันการริเริ่มการท่องเที่ยวใหม่ในภูเก็ตเรียกร้องให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงเกาะให้กักกันตัวเองในบริเวณโรงแรมของพวกเขาก่อนที่จะเดินทางไปทั่วประเทศ หากประสบความสำเร็จเราคาดว่าจังหวัดที่เน้นการท่องเที่ยวอื่น ๆ จะดำเนินการตามโปรแกรมที่คล้ายคลึงกัน

จากปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมา เราเชื่อว่ารูปแบบการลงทุนจะเปลี่ยนไปสู่การเล่นแบบวัฏจักรมากขึ้น ที่ระดับการประเมินมูลค่าปัจจุบันหุ้นอันดับต้น ๆ ของเรา ได้แก่ BDMS, EASTW, SCC และ TOP ประกอบด้วยหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและเงินปันผลที่มั่นคง

อันดับแรกเราดูที่การดูแลสุขภาพ การกระจายวัคซีนจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงพยาบาลส่วนใหญ่เนื่องจากความกลัวโควิดและการเว้นระยะห่างทางสังคมทำให้การเข้าใช้บริการของผู้ป่วยค่อนข้างต่ำในปีที่แล้วรวมถึงที่ BDMS ด้วย

แม้ว่าผลประกอบการล่าสุดของ บริษัท จะต่ำกว่าการคาดการณ์ของเราเล็กน้อย แต่เราเชื่อว่าตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2021 ผลการดำเนินงานจะเริ่มดีขึ้น และมีผลประกอบการเติบโตอย่างมั่นคง 23% ในปี 2021

EASTW ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายน้ำรายใหญ่บนชายฝั่งตะวันออกรวมถึงนิคมอุตสาหกรรมก็มีผลกระทบในปี 2020 ที่เลวร้ายเนื่องจากการใช้น้ำที่ลดลงท่ามกลางการล็อคดาวน์ อย่างไรก็ตามสำหรับปี 2021 เราคาดว่าการปรับสภาพปกติจะนำไปสู่การเติบโตของผลกำไร 37% เมื่อเทียบเป็นรายปีและกลับสู่ระดับ 2019 อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้โครงสร้างราคาใหม่ของ บริษัท สำหรับน้ำประปาสำหรับผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรมจะเห็นราคาเพิ่มขึ้น 4% โดยเฉลี่ย สิ่งนี้มีความสำคัญเนื่องจากผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรมคิดเป็น 65% ของรายได้ของ EASTW โดยบริษัทยังได้เพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลเป็น 87% ของกำไรต่อหุ้นสำหรับการดำเนินงานในปีที่แล้ว เราคาดการณ์ผลตอบแทนจากเงินปันผลมากกว่า 4% ต่อปีสำหรับ EASTW ในอนาคต

การฟื้นคืนของ SCC

SCC ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย น่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความหลากหลายทางธุรกิจของบริษัทเอง ผลประกอบการในปี 2020 ของบริษัทเป็นที่น่าผิดหวังเล็กน้อยจากการขาดทุนจากการลงทุนในเมียนมาร์และอินโดนีเซีย — แต่สิ่งเหล่านี้ควรเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว

เราคาดว่าการดำเนินงานโดยรวมของ SCC จะเป็นปกติในปีนี้ กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ของบริษัทน่าจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษจากความต้องการที่สูงขึ้นจากอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและการเพิ่มขึ้นของการใช้พีวีซีในการก่อสร้างทั่วโลก

อย่างไรก็ตามอุปทานใหม่จากจีนและสหรัฐฯน่าจะหักล้างผลประโยชน์บางส่วน ด้วยราคาหุ้นที่อ่อนแอในขณะนี้และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่เกือบ 4% เราเชื่อว่าถึงเวลาที่จะลงทุนใน SCC แล้ว

ในที่สุดเราก็หันไปหา TOP ซึ่งเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของเราในกลุ่มพลังงาน บริษัทขาดทุนอย่างมากในปีที่แล้วแม้จะขายหุ้น GPSC มูลค่ากว่า 5.8 พันล้านบาท ปี 2021 ดูดีขึ้นมากสำหรับโรงกลั่นและเราคาดการณ์ผลกำไรจำนวนมากจากการปรับปรุงราคาน้ำมันและอัตราการใช้

การปรับปรุงการดำเนินงานมีชัดเจนแล้วในไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 เมื่อค่าการกลั่นขั้นต้นกลับมาเป็นบวกที่ 1.20 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลเทียบกับลบ 1.10 ดอลลาร์ในไตรมาสที่ 3

ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นยังช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทมีกำไรจากสต็อกในปีนี้ เมื่อพิจารณาแล้วเราเห็นโอกาสที่ดีในการลงทุนในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันในขณะนี้

อ้างอิง

บางกอกโพสต์

WRITER: Tibor Krausz