ประมาณการการเติบโตลงเหลือ 2.3%

สศค. ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตเป็นครั้งที่ 2 เป็น 2.3% ในปีนี้


สารบัญข่าว

สศค. ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตเป็นครั้งที่ 2 เป็น 2.3% ในปีนี้

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สำนักงานเศรษฐกิจการคลังของกระทรวงการคลัง (สศค.) ได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นครั้งที่ 2 เป็น 2.3% ในปีนี้จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคมที่ 2.8% และ 4.5% ในเดือนตุลาคม ปี 2020 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากภาคการท่องเที่ยวที่ตกต่ำลง เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด -19

 


นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสศค. กล่าวว่า การคาดการณ์ดังกล่าวเป็นไปตามสมมติฐานที่ว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการกระตุ้นใหม่เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่กำลังเจ็บป่วย ซึ่งมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านในปีงบประมาณปัจจุบันที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย.

 

"หากมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาลมีมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านบาท สศค. จะนำตัวเลขดังกล่าวมาพิจารณาในการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่" เธอกล่าว

 

จากข้อมูลของนางสาวกุลยา เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวสู่การขยายตัวที่ดีในไตรมาสที่ 4 โดยคาดว่าตัวเลขทั้งปีจะอยู่ในช่วง 1.8-2.8% หรือเฉลี่ย 2.3%

 

"แม้ว่าเศรษฐกิจของโลกที่ฟื้นตัวจะเป็นผลบวกต่อแนวโน้มการส่งออกของไทยที่คาดว่าจะขยายตัว 11% ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้ จากที่หดตัว 6.6% ในปีที่แล้ว แต่เศรษฐกิจโดยรวมของไทยยังคงรู้สึกแย่จากการติดเชื้อระลอกใหม่และการกระจายวัคซีนที่ค่อนข้างช้า กระตุ้นให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะมาถึงลดลงเหลือเพียงสองล้านคนในปีนี้ ซึ่งลดลงอย่างรวดเร็วจาก 5 ล้านคนที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคม"

 

โดยปกติแล้ว รายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีส่วนสูงถึง 12% ของ GDP โดยประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาลดลงอย่างรวดเร็วในปีที่แล้วเนื่องจากการระบาดของไวรัสมรณะนี้

 

นักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวนเพียง 6.7 ล้านคนในปีที่แล้วสร้างรายได้ประมาณ 3.30 แสนล้านบาท ซึ่งลดลง 83.2% จากปี 2019 ซึ่งได้สร้างรายได้เกือบ 2 ล้านล้านบาทในตอนนั้น

 

จากข้อมูลของนางสาวกุลยาคาดว่ารายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จะสูงถึง 1.70 แสนล้านบาท ซึ่งลดลงจาก 2.60 แสนล้านบาทที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

 

อิงตามถึงพระราชกำหนดเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 1 ล้านล้านบาทที่กำหนดไว้เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของโรค เธอกล่าวว่าจะมีการเบิกจ่ายประมาณ 9.50 แสนล้านบาทภายในสิ้นปีงบประมาณ 2564 ซึ่งมีการเบิกจ่ายไปแล้ว 3.40 แสนล้านบาทในปีงบประมาณ 2563 และ 6.02 แสนล้านบาทคาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ในปีงบประมาณ 2564 โดยจะมีเงินเหลือประมาณ 5 หมื่นล้านบาทซึ่งจะเก็บไว้ใช้ในปีงบประมาณ 2565 ต่อไป

 

“สถานะการคลังของไทยยังคงดีและมั่นคงอยู่ เนื่องจากกระทรวงการคลังมีความพร้อมทางการเงินที่จะดำเนินการตามขั้นตอนทางการคลังเพิ่มเติมเพื่อให้ทันต่อสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป” นางสาวกุลยากล่าว

 

เธอกล่าวว่าแรงผลักดันอย่างมากจากการบริโภคและการลงทุนของภาครัฐควบคู่ไปกับความมุ่งมั่นของรัฐในการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ โดยมุ่งเน้นที่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและโดยเฉพาะเทคโนโลยีดิจิทัลและการยกระดับทักษะทรัพยากรมนุษย์จะมีส่วนสำคัญในการช่วยหนุนเศรษฐกิจ


อ้างอิง

บางกอกโพสต์

Writer: Wichit Chantanusornsiri

ความเห็นผู้ชมทั่วไป