สหรัฐฯโตขึ้นตอนซัมเมอร์ แต่การฟื้นฟูชะลอตัว

ตัวเลขอย่างเป็นทางการชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจได้โตขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 7.4% ใน 3 เดือน


สารบัญข่าว

ตัวเลขอย่างเป็นทางการชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจได้โตขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 7.4% ใน 3 เดือน

เศรษฐกิจของสหรัฐฯโผล่ขึ้นมาจากหลุมวิกฤติล็อคดาวน์โคโรนาไวรัสอย่างรวดเร็วในฤดูใบไม้ผลิ แต่การฟื้นคืนสภาพโดยสมบูรณ์ยังไกลเกินเอื้อม


ตัวเลขอย่างเป็นทางการชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจได้โตขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 7.4% ในช่วงเวลา 3 เดือนก่อนที่จะถึงวันที่ 30 กันยายน ในไตรมาสที่ผ่านมา เมื่อตอนที่เศรษฐกิจได้ตกต่ำลงอย่างสาหัส

แต่ผลิตผลยังคงต่ำว่าในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้วอยู่ 2.9%

ข้อมูลนี้มาพร้อมกับคำเตือนของนักวิเคราะห์ว่าการฟื้นคืนสภาพอาจกำลังแผ่วลง

“โดยรวมแล้ว การฟื้นฟูระยะแรกของ GDP หลังจากการยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ระลอกแรกนั้นมั่นคงกว่าที่เราได้คาดการณ์ไว้อีก” พอล แอชเวิร์ธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯจาก Capital Economics กล่าว
“แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ที่จำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสเพิ่มขึ้นเป็นสถิติ และมาตรการการกระตุ้นดูท่าว่าจะยังไม่มาถึงจนกระทั่งอย่างเร็วที่สุดช่วงต้นปีหน้า ดังนั้นความก้าวหน้าจะดำเนินไปอย่างช้า ๆ”

สหรัฐฯไม่ได้เสียหายอย่างร้ายแรงเหมือนกับที่อื่น ๆ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่นานาประเทศต่างพากันล็อคดาวน์ เศรษฐกิจได้หดตัว 9% ในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับสหราชอาณาจักรที่หดตัวลงราว 20%, 13.8% ที่ฝรั่งเศส และ 9.7% ในเยอรมนี

การตกต่ำในช่วงแรกของสหรัฐฯนั้นมีการชดเชยจากการเติบโตในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน ซึ่งมาพร้อมกับกิจการต่าง ๆ ที่กลับมาเปิดทำการ ผู้ว่าจ้างเรียกคืนคนงานและผู้คนเริ่มกลับไปร้านค้าและภัตตาคาร ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากเงินบรรเทาทุกข์นับล้านล้านดอลลาร์

ตามพื้นฐานรายปีแล้ว ซึ่งสันนิษฐานว่าอัตรานี้จะยังดำเนินต่อไปถึง 12 เดือน เศรษฐกิจโตขึ้นกว่า 33% ในไตรมาสที่ 3 หลังจากที่มีการหดตัวครั้งประวัติการณ์ที่ 31% ในไตรมาสที่ 2

แต่หลังจากการระเบิดของกิจกรรมในช่วงแรก การเติบโตด้านการจ้างงานกลับชะลอตัวลง และผู้ว่าจ้างยังไม่สามารถเติมเต็มกว่า 10 ล้านตำแหน่งที่ถูกเลิกจ้างไปในฤดูใบไม่ผลิได้


มาตรการกระตุ้นมาถึงทางตัน


อัตราการจ้างงานอยู่ที่ 7.9% ในเดือนที่ผ่านมา ลดลงจากสถิติ 14.7% ในเดือนเมษายนแต่ยังมากกว่าอัตราการว่างงานในเดือนกุมภาพันธ์กว่าเท่าตัว

ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทใหญ่ ๆ รวมถึงบริษัทผลิตเครื่องบิน Boing, บริษัทการเงิน Charles Schwab, และสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง Walt Disney ได้ประกาศเลิกจ้างเพิ่มอีก ในวันพฤหัสบดี บริษัทน้ำมันรายใหญ่ Exxon กล่าวว่ากำลังปลดพนักงานออก 1,900 ตำแหน่งในสหรัฐฯ

มีผู้คนจำนวนกว่า 75,000 รายได้เข้ารับสิทธิ์สวัสดิการการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้ว และกว่า 22 ล้านรายยังคงรับสิทธิ์สวัสดิการอยู่ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯกล่าว

“ขณะที่เรากำลังเคลื่อนตัวออกจากการล็อคดาวน์และกลับมาเปิดกิจการต่าง ๆ ที่ได้ผลักดันให้เกิดความผันผวนอย่างรุนแรงในด้านกิจกรรมระหว่างเดือนมีนาคนและกันยายน ความเป็นจริงของสถาณการณ์ทางเศรษฐกิจจะเด่นชัดขึ้นในอีกไม่นาน” ไบรอัน โคลตัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Fitch
“การเติบโตจะชะลอตัวลงอย่างฉับพลัน การกลับสู่ภาวะปกตินั้นยังอีกไกลทีเดียว และการที่จำนวนเคสโคโรนาไวรัสพุ่งขึ้นหมายความว่าการเว้นระยะห่างทางสังคมและผลกระทบทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะยังคงอยู่ต่อไป”


การเมืองการเลือกตั้ง


ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งเป็นตั้วชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กว้างที่สุด ถูกเปิดเผยเพียงไม่ถึงสัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และขณะเดียวกันก็มีข้อโต้เถียงในกรุงวอชิงตันถึงความจำเป็นที่จะต้องออกงบประมาณช่วยเหลือโคโรนาไวรัสเพิ่มเติมที่ยังคงไม่ได้ข้อสรุป

ผู้เทนฯพรรครีพับลิกันได้ชี้ว่าการฟื้นฟูที่รวดเร็วกว่าที่คาดไว้นั้น เป็นสัญญาณว่าการช่วยเหลืออีกครั้งที่จำกัดนั้นเหมาะสมแล้วกับเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในการซ่อมแซม

ในทวิตเตอร์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ฉลองความเติบโตโดยการเรียกการเติบโตในไตรมาสที่ 3 ว่า “ยิ่งใหญ่และดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติเรา และไม่มีครั้งไหนเทียบได้”
“ปีหน้าจะเป็นปีที่ยอดเยี่ยม!!!” เขากล่าวเพิ่มพร้อมกล่าวเตือนด้วยว่าชัยชนะของผู้ท้าชิงตำแหน่ง โจ ไบเดน จะทำให้ “มันพังหมด”

แต่ทว่าผู้เทนฯจากพรรคเดโมแครตได้เรียกร้องของบประมาณอีกกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ โดยกล่าวว่าการที่พรรครีพับลิกันต่อต้านนโยบายบรรเทาทุกข์ที่ใหญ่โตขนาดนี้จะทำให้การฟื้นคืนสภาพของเศรษฐกิจเสียหาย

“มันยังอีกไกลสำหรับประเทศของเราที่จะเอาชนะวิกฤติสาธารณสุขครั้งนี้และให้เศรษฐกิจฟื้นคืนสภาพโดยสมบูรณ์” ชัค ชูเมอร์ ผู้แทนฯจากรัฐนิวยอร์คผู้นำพรรคเดโมแครตในสภากล่าวในวันพฤหัสบดี หลังจากได้มีการประกาศตัวเลขจำนวนดังกล่าว “ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากมาย”


อ้างอิง


BBC

ความเห็นผู้ชมทั่วไป