เลือกตั้งสหรัฐฯ 2020: ไบเดน และ ทรัมป์ ชิงสวิงสเตท

ประธานาธิบดีทรัมป์มีแผนจะบุกเยี่ยมรัฐสมรภูมิเลือกตั้งทั้ง 5 รัฐ


สารบัญข่าว

ประธานาธิบดีทรัมป์มีแผนจะบุกเยี่ยมรัฐสมรภูมิเลือกตั้งทั้ง 5 รัฐ

ทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และโจ ไบเดน กำลังเดินทางไปทั่วประเทศในวันอาทิตย์ขณะที่การสิ้นสุดการเลือกตั้งประธานาธิบดีกำลังใกล้เข้ามา


ประธานาธิบดีทรัมป์ได้วางแผนจะเยี่ยมเยียนรัฐสมรภูมิการเลือกตั้งทั้ง 5 รัฐ ขณะที่นายไบเดน ผู้ท้าชิงตำแหน่ง ได้มีการจัดการปราศรัยขึ้นในรัฐเพนซิลเวเนีย


นายไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตยังคงมีคะแนนเสียงนำหน้าอยู่ในโพลล์ต่าง ๆ ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในวันอังคารนี้


แต่คะแนนนำนี้กระชั้นชิดเข้ามาเรื่อย ๆ ในรัฐที่เป็นกุญแจสำคัญที่อาจเป็นตัวตัดสินผลการเลือกตั้งครั้งนี้ได้


มีผู้คนกว่า 90 ล้านคนได้หย่อนบัตรลงคะแนนเสียงไปแล้วในการลงคะแนนเสียงล่วงหน้า นี่จึงเป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติการณ์ของประเทศเลยโดยมีผู้คนออกมาร่วมลงคะแนนเสียงครั้งนี้มากที่สุดในศตวรรษ


การเลือกตั้งครั้งนี้มาถึงท่ามกลางการระบาดของโคโรนาไวรัส ทั้งนี้สหรัฐฯได้มีรายงานถึงจำนวนเคสผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่าประเทศใด ๆ ในโลก โดยในวันเสาร์ที่ผ่านมาเพียงวันเดียวมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มถึง 99,000 ราย


สุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัส แอนโทนี่ เฟาซี ได้วิจารณ์การรับมือกับโรคระบาดครั้งนี้ของทีมบริหารจัดการของทรัมป์อย่างดุเดือด ด้านทำเนียบขาวมีการตำหนิกลับในวันอาทิตย์


ทรัมป์บุก 5 รัฐเพื่อดันคะแนนเสียงครั้งสุดท้าย


ประธานาธิบดีผู้มาจากพรรครีพับลิกันมีตารางเวลาแน่นเอี๊ยดในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้วยการจัดการชุมนุมในรัฐไอโอวา, มิชิแกน, นอร์ธ แคโรไลนา และหลังจากนั้น รัฐจอร์เจียและฟลอริดา ซึ่งเป็นรัฐที่มีคะแนนเสียงสูสีทั้งหมด

ในการปราศรัยที่วอชิงตัน เมืองหนึ่งในรัฐมิชิแกนทางเหนือของรัฐดีทรอยต์ นายทรัมป์กล่าวกับผู้สนับสนุนว่า ภายใต้ตำแหน่งผู้นำของเขา “เศรษฐกิจในปัจจุบันกำลังโตขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้”

เขาคาดว่าเขาจะชนะในรัฐนี้อีกครั้งดังที่เคยทำในปี 2016 และกล่าวด้วยว่ารัฐนี้เป็นที่รู้จักในด้านการผลิตรถยนต์นั้น “ไม่ได้มีโรงงานผลิตรถยนต์สักแห่งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว” เมื่อเขาได้รับการเลือกตั้ง “เราได้นำเอาอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของคุณกลับมา เพราะถ้าไม่มีอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์นี้ พวกคุณก็ไม่เหลืออะไรแล้ว” เขากล่าว

ในการชุมนุมต่อมาในเมืองดูบิวค์ รัฐไอโอวา นายทรัมป์พร้อมด้วยผู้สนับสนุนไฮโปรไฟล์หลายรายอย่าง อิวังกา ลูกสาวของเขา และโฮป ฮิคส์ ผู้ช่วย ได้ให้สัญญาว่าจะปิดชายแดนให้แน่นหนาและจะให้มีผู้พิพากษาที่เป็นอนุรักษ์นิยมมากขึ้นในศาล

ในตอนที่กล่าวถึงโรคโควิด-19 เขาบอกกับผู้สนับสนุนว่าพวกเขามีทางเลือกระหว่าง “การล็อคดาวน์มฤตยูของไบเดน” หรือ “วัคซีนอันปลอดภัยที่จะยุติการระบาด”
โดยความเห็นของเขาครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่ ดร. เฟาซี หัวหน้าแห่งสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่า ประเทศสหรัฐฯ “จะต้องเจอกับความเจ็บปวดอีกมากมาย” ในเดือนต่อ ๆ มา
“หมู่ดวงดาวต่างพากันเรียงตัวอย่างผิดที่ผิดทาง ขณะที่เราเดินทางเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว โดยที่ผู้คนต่างพากันชุมนุมอยู่ภายในตัวบ้าน” เขากล่าวกับทางหนังสือพิมพ์



นายไบเดน “กำลังมองปัญหานี้อย่างจริงจังจากมุมมองของสาธารณสุข” ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์มีมุมมองที่ต่างไปและใจจดจ่ออยู่กับ “เศรษฐกิจและการกลับมาเปิดประเทศ” เขากล่าวเพิ่มเติม
โฆษกทำเนียบขาว จัดด์ เดียร์ กล่าวในวันอาทิตย์ว่า ข้อคิดเห็นของ ดร. เฟาซี นั้น “เป็นที่ยอมรับไม่ได้” โดยกล่าวว่าผู้เชี่ยวชาญผู้นี้เลือก “ที่จะวิจารณ์ประธานาธิบดีในสื่อและทำให้ความเอนเอียงทางการเมืองของเขาเป็นที่ประจักษ์โดยการยกย่องฝ่ายตรงข้ามของประธานาธิบดี”


ไบเดนหาเสียงอย่างหนักในรัฐเพนซิลเวเนีย


ในขณะเดียวกัน ผู้ท้าชิงตำแหน่งจากพรรคเดโมแครตและอดีตรองประธานาธิบดีได้มุ่งหน้าไปที่รัฐเพนซิลเวเนีย บ้านเกิดของเขา ซึ่งเป็นรัฐกุญแจสำคัญอีกรัฐหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ นายทรัมป์ชนะในรัฐนี้ไปอย่างเฉียดฉิวในปี 2016 แต่โพลล์ระบุว่านายไบเดนกำลังนำอยู่เล็กน้อยในปีนี้

ในการชุมนุมที่เมืองฟิลาเดลเฟีย นายไบเดนได้กล่าวถึงชุมชนคนผิวสีในเมือง โดยปฏญาณว่าจะจัดการกับ “การเหยียดเชื้อชาติโดยเป็นขนบธรรมเนียม[1] ” ในสหรัฐฯ และได้โจมตีวิธีการรับมือกับโรคระบาดของประธานาธิบดีทรัมป์ — ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อชาวแอฟริกันอเมริกันอย่างล้นหลามไม่ได้สัดส่วน[2] 
“วิธีที่เขารับมือกับไวรัสนี้แทบจะเป็นอาชญากรรมอยู่แล้ว” เขากล่าว “มันเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้ประสบภัยจำนวนมากในกลุ่มคนผิวสี และมันไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นเลย”

ในช่วงก่อนหน้าในวันเดียวกันนั้น นายไบเดนยังได้โน้มน้าวชาวละตินด้วยดารทวีตข้อความเป็นภาษาสเปนอีกด้วย โดยกล่าวถึงการที่ครอบครัวผู้อพยพถูกแยกตัวออกจากกันที่ชายแดน และคำตอบรับของเขาต่อเฮอริเคนมาเรียหลังจากที่เปอร์โตริโกถูกพายุซัดถล่ม

“ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โจมตีศักดิ์ศรีของครอบครัวชาวละตินหลายต่อหลายครั้งแล้ว” ข้อความทวีตระบุ “มันจะจบลงเมื่อผมได้เป็นประธานาธิบดี”


ในแคมเปญของเขาระบุว่า ตัวเขาและคามาลา แฮร์ริส จะ “กระจายออกไป” ให้ “ทั่วทั้งสี่มุมเมือง” ของเพนซิลเวเนียในวันจันทร์ ร่วมด้วยพันธมิตรทั้งหลายและป็อปสตาร์อย่าง เลดี้ กาก้า และ จอห์น เลเจนด์

ในวันอาทิตย์นางสาวแฮร์ริสได้ลงพื้นที่หาเสียงในรัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรัฐที่นายทรัมป์ได้รับชัยชนะไปเมื่อปี 2016 แต่พรรคเดโมแครตกำลังพยายามจะชนะรัฐนี้ให้ได้ในปีนี้

“นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาปล่อยวาง” เธอบอกกับฝูงชนในเขตกวินเน็ตต์ “ทุก ๆ อย่างอยู่ในเดิมพัน”

 [1]เป็นรูปแบบของการเหยียดเชื้อชาติรูปแบบหนึ่งที่ได้ฝังรากลึกลงไปในการดำเนินชีวิตประจำวันในสังคมจนกลายเป็นการปฏิบัติตามปกติวิสัยภายในสังคมหรือองค์กรไปโดยปริยาย WIKI

 [2]กระทบต่อชนผิวดำเป็นจำนวนมากกว่าชาวผิวขาวอย่างไม่สมส่วนเมื่อพิจารณาจากตัวเลขประชากรทั้งสองฝ่ายแล้ว


อ้างอิง

BBC

ความเห็นผู้ชมทั่วไป