ตลาดการเงินโตขึ้นก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ

ตลาดการเงินโตขึ้น 2 วันรวดในช่วงก่อนวันเลือกตั้ง


สารบัญข่าว

ตลาดการเงินโตขึ้น 2 วันรวดในช่วงก่อนวันเลือกตั้ง

ตลาดการเงินได้โตขึ้นเป็นเวลา 2 วันรวดในช่วงก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ความไม่แน่ไม่นอนของผลการเลือกตั้งได้กลายเป็นแรงกดดันต่อราคาหุ้นในตลาดช่วงสัปดาห์ที่ผ่าน ๆ มา ยิ่งส่งผลให้เกิดความกังวลด้านเศรษฐกิจอย่างเป็นวงกว้าง

แต่นักลงทุนยังมีความหวังว่าผู้ชนะอย่างชัดเจนสักคนจะผลักดันให้ทางการวอชิงตันหันมาใส่ใจในเรื่องการให้ผ่านนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อตอบโจทย์การระบาดใหญ่นี้

ทั้ง 3 ดัชนีหลักของสหรัฐฯปิดตลาดด้วยมูลค่าที่สูงขึ้น โดยด้านดาว โจนส์ สูงขึ้นถึง 2%

ด้าน S&P 500 สูงขึ้น 1.7% ขณะเดียวกัน Nasdaq ไต่ขึ้นเกือบ 1.9%

ในช่วงก่อนหน้านี้ ตลาดทางฝั่งยุโรปและเอเชียได้มีการเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเช่นกัน โดย FTSE 100 ของกรุงลอนดอนโตขึ้น 2.3% — นับเป็นการเติบโตในวันเดียวที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 2 เดือน

“นักลงทุนไม่ชอบความไม่แน่นอน ดังนั้นไม่ว่าใครจะชนะ …แค่ได้ก้าวข้ามจุดอึกทึกคึกโครมของการเลือกตั้ง การหาเสียง และวาทศิลป์ จะเป็นการผ่อนคลายจิตใจของนักลงทุนทั้งหลายทีเดียว” เมแกน ฮอร์นแมน ผู้อำนวยการกลยุทธ์พอร์ตโฟลิโอ จากบริษัทนักลงทุน Verdence Capital Advisors กล่าว

นักวิเคราะห์จากวอลสตรีทมากมายต่างพากันคาดการณ์ว่านายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตจะมีชัยเหนือประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ และได้คาดหวังว่าพรรคของนายไบเดนจะชนะเก้าอี้ในสภาด้วยเช่นกัน

โพลล์ระดับชาติชี้ว่านายไบเดนยังนำอยู่อย่างเหนียวแน่น แต่การแข่งขันนี้กระชั้นชิดสูสีกว่าในรัฐตัวแปรที่อาจเป็นตัวตัดสินผลการเลือกตั้งได้

การกวาดชัยชนะอย่างท่วมท้นของพรรคเดโมแครตถูกมองว่าเป็นแนวโน้มในการผลักดันมาตรการบรรเทาทุกข์โคโรนาไวรัส และเป็นไปได้ว่าจะดันให้ราคาหุ้นสูงขึ้น นักวิเคราะห์จากธนาคาร Wells Fargo ระบุในโน้ตฉบับเมื่อไม่นานมานี้

อย่างไรก็ดี ในระยะยาวยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนและความเป็นไปได้ที่นโยบายอื่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง และนั่นจะกดราคาให้ตกต่ำลง นักวิเคราะห์เตือน

“เราคาดว่าหุ้นจะร่วมกับโอกาสของมาตรการกระตุ้นทางการคลัง แต่เราคงไม่อยากอยู่รอให้บิลมาถึง” พวกเขาระบุ

พวกเขามีการเตือนอีกว่ายังมีความเป็นไปได้รูปแบบอื่นที่อาจนำไปสู่ “การเทขายช็อร์ต” รวมไปถึงกรณีนายไบเดนชนะแต่พรรครีพับลิกันยังคงนั่งเก้าอี้ในสภา หรือกรณีทรัมป์ชนะและสมดุลอำนาจในสภายังคงเดิมเช่นกัน แต่หุ้นยังมีแนวโน้มจะฟื้นตัว ถ้าเป็นเช่นนั้นการชะงักตัวในรูปแบบดังกล่าวอาจหมายถึงสภาพแวดล้อมของนโยบายที่มีสเถียรภาพมากขึ้นก็ได้ พวกเขาระบุเพิ่มเติม

ในปี 2016 ชัยชนะอันน่าแปลกใจของนายทรัมป์ได้ทำให้ตลาดสั่นสะเทือนไปทั่ว และนำไปสู่การเทขายอย่างล้นหลามในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า แต่ราคาหุ้นได้กลับมาฟื้นคืนสภาพจากความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เขาได้ให้สัญญาเอาไว้ก่อนหน้า รวมไปถึงการลดหย่อนภาษีด้วย

ดัชนี S&P 500 ซึ่งได้ติดตามบริษัทรายใหญ่ที่ได้มีรายชื่ออยู่ในสาธารณะในสหรัฐฯ ได้โตขึ้นถึง 55% นับตั้งแต่ชัยชนะของเขาในปี 2016 แม้ว่าจะหดตัวลงอย่างฉับพลันในช่วงก่อนหน้าในปีนี้สืบเนื่องมาจากการระบาดใหญ่

อ้างอิง

BBC

ความเห็นผู้ชมทั่วไป